บทที่ 8 ต้นทุนของเงินทุน (Cost of
Capital)
ต้นทุนทางการเงิน
คือ
อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับจากโครงการลงทุนและอัตราผลตอบแทนที่ต้องการนี้ถือว่าเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสของนักลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนจากโครงการลงทุนอื่นๆ
ปัจจัยที่ทำให้อัตราผลตอบแทนของนักลงทุนและต้นทุนแตกต่างกัน
1.ภาษี เมื่อบริษัทกู้เงินทุนเพื่อนำไปลงทุนในทรัพย์สิน ดอกเบี้ยจะถูกหักออกจากการคำนวณภาษี ฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยที่กู้มาจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นต้นทุนของเงินกู้จริง
1.ภาษี เมื่อบริษัทกู้เงินทุนเพื่อนำไปลงทุนในทรัพย์สิน ดอกเบี้ยจะถูกหักออกจากการคำนวณภาษี ฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยที่กู้มาจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นต้นทุนของเงินกู้จริง
2.ค่าใช้จ่ายในการออกและจำหน่ายหลักทรัพย์คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อบริษัทมีการจัดหาเงินทุนโดยการออกหลักทรัพย์แต่ละประเภท
นโยบายการเงินและต้นทุนของเงินทุน
นโยบายการเงินของบริษัท คือ นโยบายเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินทุนที่บริษัทวางแผนจะใช้ในการลงทุน และสัดส่วนของเงินทุนแต่ละแหล่งที่บริษัทจัดหามาเพื่อนำไปใช้ในการลงทุนของบริษัท
การคำนวณต้นทุนของเงินทุนในแหล่งต่างๆ มี 3 ประเภทได้แก่
1.หุ้นกู้ คือ ผลตอบแทนที่เจ้าหนี้ได้รับจากการให้กู้ยืม
สูตรในการคำนวณ
โดยที่ NPd =
มูลค่าหุ้นกู้สุทธิที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้
n = กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนของหุ้นกู้
lt= ดอกเบี้ยจ่าย ณ เวลา t ถึง n
M = เงินต้นได้รับคืนเมื่อหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน
kd =
อัตราผลตอบแทนที่ต้องการของเจ้าหนี้หรือต้นทุนของหนี้สิน
*จากการคำนวณต้นทุนต้องคำนวณต้นทุนของเงินทุนหลังภาษีเสมอ
สูตรต้นทุนของหุ้นกู้หลังภาษี
= kd(1-T) ซึ่ง T คือ
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
สูตรคำนวณโดยการใช้ตาราง
โดยที่ NPd =
มูลค่าหุ้นกู้สุทธิที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้
n = กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนของหุ้นกู้
lt = ดอกเบี้ยจ่าย ณ เวลา t ถึง n
M = เงินต้นได้รับคืนเมื่อหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน
kd =
อัตราผลตอบแทนที่ต้องการของเจ้าหนี้หรือต้นทุนของหนี้สิน
2.หุ้นบุริมสิทธิ
สูตรในการคำนวณ
โดยที่ kps = อัตราต้นทุนของหุ้นบุริมสิทธิ
Dps =
เงินปันผลหุ้นบุริมสิทธิ
NPps=มูลค่าหุ้นบุริมสิทธิสุทธิที่ได้รับจากการขายหุ้น
3.หุ้นสามัญ มี 2 วิธี คือ แบบจำลองการเติบโตของเงินปันผล และ
แบบจำลองการประเมินทรัพย์สินส่วนทุน
1.แบบจำลองการเติบโตของเงินปันผล
หรือ Kes
สูตรในการคำนวณ
*D1 =D0(1+g)โดยที่ D0 = เงินปันผลหุ้นสามัญปัจจุบัน
โดยที่ kcs = อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นสามัญต้องการ
D1 = เงินปันผลหุ้นสามัญที่คาดว่าจะได้รับในปีที่ 1
Pcs = มูลค่าหุ้นสามัญหรือราคาตลาดของหุ้นสามัญ
g = อัตราการเติบโตของเงินปันผลหุ้นสามัญ
2.แบบจำลองการประเมินทรัพย์สินส่วนทุน หรือ Kc
สูตรในการคำนวณ
โดยที่ kc = อัตราค่าตอบแทนที่ต้องการของผู้ถือหุ้น
หรือ ต้นทุนของหุ้นสามัญ
krf = อัตราค่าตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง
เช่น พันธบัตรรัฐบาล
km = อัตราค่าตอบแทนของตลาดโดยรวม
ß = ค่าสัมประสิทธิ์เบต้าของหลักทรัพย์
แบบจำลองนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย
3 ประการ ได้แก่
1.)อัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง
(risk-free rate หรือ k rf
2.)ความเสี่ยงที่เป็นระบบของผลตอบแทนหุ้นสามัญที่สัมพันธ์กับตลาดโดยรวม
หรือ ค่าสัมประสิทธิเบต้าของหลักทรัพย์ (stock beta
coefficient หรือ ß)
3.)ส่วนชดเชยความเสี่ยงของตลาด = อัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์เฉลี่ย หักด้วย อัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง (km
+ krf)
ต้นทุนของเงินทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
การคำนวณต้นทุนของเงินเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักมีความจำเป็นจะต้องทราบต้นทุนของเงินทุนแต่ละแหลางที่บริษัทได้จัดหามาและจะต้องทราบโครงสร้างเงินทุนของบริษัทด้วย
สูตรในการคำนวณ
โดยที่ wd = สัดส่วนของหนี้สินในโครงสร้างเงินทุน
wps= สัดส่วนของหุ้นบุริมสิทธิ
wcs = สัดส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญ
หมายเหตุ 1.ผลรวมของสัดส่วนเงินทุนเมื่อรวมกันต้องเท่ากับ
1 เสมอ
2.สัดส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้น (wcs)
สามารถใช้ได้ทั้งต้นทุนของกำไรสะสม (kr) หรือต้นทุนของหุ้นสามัญใหม่ (kncs)
ต้นทุนของเงินทุนส่วนเพิ่ม
เมื่อบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น
นั่นคือ เงินทุนที่จัดหาเพิ่มจะต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้นต้นทุนของเงินทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจะต้องเพิ่มขึ้นด้วย
สูตรในการคำนวณ
โดยที่
BPj =
ระดับของเงินทุนส่วนเพิ่มที่ทำให้ต้นทุนของเงินทุนเปลี่ยนแปลง
AFj = จำนวนเงินทุนที่มีอยู่ของแหล่งเงินทุนj
Wj = สัดส่วนของแหล่งเงินทุนj (โครงสร้างเงินทุนเป้าหมาย)
คำนวณหาระดับของเงินทุนที่ทำให้ต้นทุนเปลี่ยนแปลงก่อน
จากแหล่งของเงินทุนมีมาจาก 2 แหล่ง
-
1.ในส่วนของเงินทุน
-
2. ในส่วนของหนี้สิน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แบบฝึกหัดท้ายบทที่
8
1.เครื่องมือพื้นฐานใดบ้างที่บริษัทใช้เพื่อจัดหาเงินทุน มีกี่ประเภท
อะไรบ้าง
ตอบ 3 ประเภท ได้แก่ 1.หุ้นกู้
2.หุ้นบุริมสิทธิ
3.หุ้นสามัญ
2.ความเสี่ยงที่เป็นระบบของผลตอบแทนของหุ้นสามัญที่สัมพันธ์กับตลาดโดยรวมเรียกอีกอย่างว่าอะไร
ตอบ ค่าสัมประสิทธิ์เบต้าของหลักทรัพย์
3.บริษัทTripleMจำกัด มีการซื้อขายหุ้นบุริมสิทธิ
ซึ่งหุ้นบุริมสิทธิมีการจ่ายปันผลหุ้นละ 3.75 บาท
และราคาปิดหุ้นในวันที่ 9 กันยายน 2558
เท่ากับ 60.375 บาท สมมติบริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิใหม่
จำหน่ายในราคาขายเท่ากับราคาปิดในวันที่ 9 กันยายน 2558 ถ้าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการออกจำหน่ายเท่ากับ 2.375 บาท อยากทราบว่าต้นทุนหุ้นบุริมสิทธิเป็นเท่าใด
4.หุ้นสามัญของบริษัท ม่านฟ้า จำกัด
มีค่าสัมประสิทธิ์เบต้าเท่ากับ 0.75 มีผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงเท่ากับ
7% และอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังของตลาดเท่ากับ 17 % อยากทราบว่าต้นทุนของหุ้นสามัญเป็นเท่าใด
5.บริษัทแห่งหนึ่งใช้เงินทุนหลักจาก
3 แห่งใหญ่ๆโดยมีรายละเอียดดังนี้